My Life

เมื่อผมไปฝึกงานที่ Like Me มา

By Arnon Puitrakul - 29 กรกฎาคม 2017

เมื่อผมไปฝึกงานที่ Like Me มา

ถ้าใครเป็น Friend กับผมใน Facebook ก็น่าจะรู้ว่าช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาก็ได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ Like Me เนอะ หลายคนที่ฟังชื่อบริษัทก็คง งง ๆ กว่าบริษัทอะไรหว่า แต่ถ้าบอกว่า Infographic Thailand ทุกคนจะร้อง "อ๋ออออ!!!" ขึ้นมาทันที

จริง ๆ ใน Like Me จะมีอยู่หลายทีมนะ Infographic Thailand ก็เป็นหนึ่งในนั้น อีกอันที่น่าจะรู้จักกันคือ Aommoney ที่เป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลด้านการเงินที่ดัง ๆ อะ View เดือนนึงก็หลักล้านอยู่ เยอะมาก ๆ

ทีมที่ผมทำจะเป็นทีม 1000x เข้ามาฝึกในตำแหน่ง Front-End Developer ซึ่งแน่นอนว่า ไม่เคยทำมาก่อนเลย (โอเค เคยลอง ๆ เมื่อสัก 5-6 ปีที่แล้วได้ ตอนนั้นเทคโนโลยีมันไม่มีขนาดนี้) ถ้าใครที่เคยลองศึกษาด้านนี้มาก่อนจะรู้ว่าภาษาที่ใช้เป็นหลักก็จะเป็น Javascript ที่ผมเขียนไม่เป็นเลยจริง ๆ เขียนได้แค่ alert('Hello World') เลย

เกริ่นกันก่อน

ก็จริง ๆ ตอนแรกว่าจะไม่ฝึกงานแล้วแหละ แต่ด้วยตอนนั้นที่ไปค่าย YWC พี่วิน ที่เป็น CEO ก็มาเป็นวิทยากรในค่ายด้วย และก็จบ ICT มหิดลเหมือนกัน อ. ก็พาไปแนะนำ เลยถามเรื่องฝึกงานก็เลยตอบตกลง แล้วส่ง Resume ไป เพราะน่าสนใจดี (จริง ๆ รู้จักบริษัทนี้มานานแล้วละ เพราะ CEO ก็รุ่นพี่คณะเอง มา Job Fair ทุกปี)

อีกเหตุผลที่อยากมาฝึกบริษัทนี้เพราะว่า อยากเข้ามาฝึกงานในบริษัทที่เล็ก และทีมพึ่งเปิด ไม่อยากเข้าไปในบริษัทใหญ่ ๆ เพราะเห็นการทำงานของบริษัทใหญ่ ๆ มาเยอะแล้ว อยากลองสัมผัสบรรยากาศทีมเล็ก ๆ บ้าง มันให้อีกฟิลนึงเลยนะ การทำงานแทบจะเป็น Flat Organisation กันเลย เป็นมิตรมาก ~

และแน่นอนว่า ก็ไม่อยากไปคนเดียวเลย ชวนเพื่อนในค่าย YWC ที่อยู่กลุ่มเดียวกัน ชื่อเต้ย นังงูพิษ ไปด้วยกัน และเต้ยก็ไม่จบเท่านั้น มันก็ไปชวนเพื่อนอีกคนอีก สรุป Dev 3 คนที่มาฝึกงานด้วยกัน รู้จักกันหมดเลยแจ้ !!

ก่อนฝึกงานก็มีการมาสัมภาษณ์ วันนั้นจำได้เลยคือ คอมเสีย เอาไปซ่อม และโชคดีมากที่เครื่องได้วันนั้นพอดี ก็ต้องโฉบไปแถวปิ่นเกล้าเพื่อเอาคอมไปซ่อม และไปที่ออฟฟิศเพื่อสัมภาษณ์ (ปิ่นเกล้ากับกรุงธนบุรีมันไม่ได้ใกล้กันเลยจริง ๆ)

ตอนสัมภาษณ์ก็มีพี่วิน ที่เจอกันในค่าย และพี่เพชรที่เป็น Dev ก็เข้ามาสัมภาษณ์ ก็ถามคำถามทั่ว ๆ ไป ฟิลลิ่งเหมือนนั่งคุยกันอะ ก็เอางานให้ดู เล่าว่าเคยทำอะไรมาแล้วบ้างอะไรแบบนั้น และบอกเลยว่า ไม่ประสบการณ์กับการทำ Front-End มาก่อนเลย เคยแค่ดู Youtube และทำตามมาเท่านั้น

Office

ออฟฟิศจะอยู่ที่ตึกไทยศรี ตรง BTS กรุงธนบุรี ลงมาก็เจอเลย ทั้งบริษัทก็มีอยู่ประมาณ 60-70 คนฉะนั้นออฟฟิศก็จะไม่ได้ใหญ่อลังเวอร์ขนาดนั้น ขนาดย่อม ๆ อบอุ่นดี ก็นั่งเป็นซอย ๆ ไปแต่ละทีม ซอยผมก็จะนั่งกับพี่ ๆ ทีม 1000x และ NextEmpire ด้วยกันเลย

ในออฟฟิศก็จะมีส่วนของห้องประชุมใหญ่ โถงแล้วก็ส่วนของออฟฟิศ ก็ Intern ส่วนใหญ่ก็จะทำงานกันในห้องประชุมใหญ่ ส่วนพวกเราที่เป็นผู้น้อย (Dev มีมาฝึกแค่ 3 คนรวมผมแล้ว) ก็จะนั่งอยู่ในออฟฟิศกับพี่ ๆ เลย

และอย่างที่บอกว่าในซอยก็มีทีม NextEmpire นั่งอยู่ด้วย แน่นอนว่า NextEmpire ก็มี Intern เช่นกัน มีคนเดียว ชื่อมอส ก็นั่งข้าง ๆ ผมนี่แหละ เลยได้มีโอกาสดูว่าเวลาเว็บเขาจะเขียน Content กัน เขาทำกันยังไงบ้างไปด้วยพราง ๆ ก็เอามาปรับใช้กับเว็บของตัวเองได้เป็นอย่างดี

โต๊ะทำงานก็ง่าย ๆ ครับ ตอนผมมาใหม่ ๆ พี่ ๆ ก็ย้ายไปย้ายมา ง่ายมาก ๆ แค่ย้ายของไปลงโต๊ะใหม่ จบ และการมาของ Intern ในทีมก็เป็นการไล่พี่วินออกไปอีกซอยนึง ฮ่า ๆ ภาพด้านบนเป็นโต๊ะที่ผมนั่งก็ไม่มีอะไร ก็ Laptop กับ Ipad ตัวเองเอามาทำเป็น Second Screen บางทีทำงานแล้วมันจอเดียวไม่พอจริง ๆ (Dev น่าจะรู้ดี)

Lifestyle

เมื่อตอนที่เริ่มใหม่ ๆ ก็มาตอน 9 โมงเลย ปรากฏว่าเข้ามาออฟฟิศ มืดเฉย ไม่มีใครมาเลย ฮ่า ๆ ทำให้รู้ว่า ที่นี่เข้างานกันเที่ยง สบายตรูละ ~ แต่ส่วนใหญ่ผมก็จะมาช่วงเกือบ ๆ 10 โมงนี่ละ แรก ๆ ด้วยความที่นั่งอยู่ข้างในก็ไม่ค่อยรู้จัก Intern คนอื่น เลยนั่งอยู่กับทีมตัวเอง ช่วงหลัง ๆ ก็ออกไปทำความรู้จักคนอื่น ๆ ช่วงเช้าก็เลยออกไปนั่งเล่น Board Game กัน

ถามว่าทำไมไม่มาสายกว่านี้สักชั่วโมง จริง ๆ ก็อยากนะ จะได้ตื่นช้ากว่านี้อีกสักชั่วโมง แต่ Salaya Link ไม่เป็นใจ ปกติผมจะขึ้นรอบ 9 โมง ซึ่งปกติมันจะออกชั่วโมงละคัน แต่เป็นความพอดีอะไรไม่รู้ ว่า Salaya Link มันไม่มีรอบ 10 โมง TT เลยต้องออกรอบ 9 โมง

ลักษณะการทำงานก็จะทำงานเป็นทีม ๆ กัน ทีมที่ผมมาฝึกก็จะเป็น Developer เนอะ ก็วิธีการทำงานก็น่าจะได้สัมผัสมาบ้างแล้วละ ก็ทำงานกันเป็น Sprint กันไป และด้วยความนี่นั่งอยู่ด้วยกันกับพี่ ๆ เลยก็หันไปถามได้เลย ฮ่า ๆ

เวลาเข้างานก็จะเป็นช่วงเที่ยง ๆ ฉะนั้น ผมก็จะตื่นสัก 8 โมงเท่ากับเวลาตื่นไปเรียนเลย สบายมาก ~ และก็ขึ้น Salaya Link ไปต่อ BTS (Salaya Link คือ Shuttle Bus วิ่งจาก ม.มหิดล ไปลง BTS บางหว้า)

ส่วนเวลาออกงานก็จะเป็นช่วงประมาณ 6 โมง (เห็น Intern คนอื่นกลับกันประมาณนี้แหละ) แต่แรก ๆ นี่ก็จะออกงานประมาณทุ่มนึง แน่นอนว่า Salaya Link รอบสุดท้ายคือ 18.40 ก็เอาว่ะ ก็ขึ้น BTS ไปอนุสาวรีย์ แล้วขึ้น 515 ไปลงหน้าหอได้เลย อ้อมหน่อยแต่สบายสุดละ ก็ดีหลัง ๆ ก็แวะกินข้าวแถว แล้วโพสต์ว่ากินคนเดียว จนได้ #เด็กฝึกงานขี้อ่อยมา

ที่พีคคือ เวลากินข้าว ปกติเราจะกินข้าวกลางวันกันตอนเที่ยงเลยใช่ม้าา แต่ที่นี่เข้างานก็เที่ยงแล้ว ฉะนั้นเวลากินข้าวก็เลื่อนไปนิดหน่อย ก็ทีมผมก็จะกินตอนบ่าย 2 ก็รู้สึกแปลก ๆ นิดหน่อยในตอนแรก แต่หลัง ๆ ก็ชิน มันจะมีวันนึงที่เว็บมันมีปัญหา ก็ต้องแก้ แก้ไปแก้มาเสร็จอีกทีบ่าย 4 โมงเย็น และก็ไปกินข้าวตอน 4 โมงนี่แหละ โคตรพีค

พีคกว่าการนั้น ถ้าใครเคยไปเดินแถวนั้นจะรู้ดีว่ามันแทบไม่มีอะไรกินเลยฮ่า ๆ มีอยู่ไม่กี่ร้านจริง ๆ ซึ่งเราก็กินซ้ำวนไปเรื่อย ๆ ชีวิตติดลูปลืม Break บางทีก็ออกกันไปกินไกลหน่อยก็มีเหมือนกัน

ทุกวันวันพฤหัสหน้าตึกมันจะมีน้ำเมล่อนปั่นมาขาย นี่ก็เหมือนกับรอคอยวันพฤหัสเพื่อจะรอกินมันฮ่า ๆ

Responsibility

ก็เข้ามาฝึกในตำแหน่ง Front-End Developer ก็ต้องเขียน Code เนอะ คงจะเป็นอื่นไม่ได้ ฮ่า ๆ ก็งานที่ผมเข้ามาทำคือตัวหน้าเว็บของ NextEmpire และ Aommoney ถ้าใครที่เข้าไปอ่าน Aommoney ก็น่ารู้ว่าตอนนี้หน้าเว็บมันเปลี่ยนไป ก็นั่นแหละ ที่ผมเข้ามาทำ

ตัวงานทั้งหมดเลยมันจะเป็น MERN Stack ทั้งหมดเลย ซึ่งตัวผมเองก็เป็น Dev ยุคโบราณมากใช้ LAMP Stack อยู่ยังไม่ไปไหน มาฝึกงานรอบนี้แหละใช้ MERN Stack ครั้งแรก แต่ส่วนที่ผมยุ่งเยอะ ๆ จะเป็นส่วนของ Front-End เป็นหลัก ที่จะได้ทำงานกับ Framework อย่าง React ซะเป็นส่วนใหญ่

เข้ามาในสัปดาห์แรก พี่วินก็ Assign ให้ไปอ่าน Doc ก่อนเลย เพราะตัวผมเองไม่มีประสบการณ์กับ React ไม่ใช่แค่ React หรอกเอาจริง ๆ ไม่มีประสบการณ์กับ Javascript เลยฮ่า ๆ ก็ใช้เวลาประมาณ 2 วันในการนั่งอ่าน Document ที่พี่ ๆ ให้มาอ่านก็จะมี Document ของตัว React เองและส่วนประกอบอื่น ๆ ที่ใช้พวก Styled-Components กับ ARC อะไรพวกนี้

ทีมนี้ก็จะใช้เป็นเกือบ ๆ Scrum (มีดัดแปลงนิดหน่อย) ก็จะมี Stand-up Meeting ทุกวัน และประชุมประจำสัปดาห์เพื่อแจ้งความคืบหน้า และกำหนดงานใน Sprint ถัดไป

สัปดาห์ถัดไป พี่วินก็มาเอาตัวโปรเจ็คจริงให้ดูว่าตอนนี้จัดการไฟล์ กับเรื่องของ Version Control กันยังไง ตอนแรกที่เห็น Code ของ Front-End คือแทบช๊อค มันเยอะมาก ๆ อ่านยากมาก เพราะไม่มีประสบการณ์มาก่อนด้วยแหละ เลยอ่านไม่ค่อยออกเท่าไหร่ ซ้อนโน้นนี่นั่น บางอันก็เล่นท่ายากอะไรทำนองนั้น แถมเป็น Server-Side Rendering อีก ที่ถ้าใครเขียน React จะรู้ฤทธิ์ของมันดีว่า มันโคตรลำบาก (เดี๋ยว Blog หน้ามาเขียน What I have learnt)

หลังจากนั้นก็ได้ Assign งานมาให้แก้ Component แล้วค่อย ๆ ขยับไปเขียน Component ใหม่ และสุดท้ายพีคสุดคือ Optimisation จัดว่าความพีคค่อย ๆ ทวีคูณขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่วันแรกยันวันสุดท้ายของการฝึกงานเลยทีเดียว จากนี้ก็ฝากพี่ ๆ แก้บัคพวกผมต่อด้วยนะครับ ฮ่า ๆ

สรุป

2 เดือนที่ผ่านไปเร็วยังกะโกหก ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีครับที่ได้มาฝึกงาน Like Me จากทำงานด้านนี้ไม่ได้เลย ตอนนี้เริ่มเซียนละ เพราะได้เจอปัญหา เจอ Requirement เยอะมาก ๆ และเป็นของจริง 100% เลยทำให้เซียนได้เร็วขนาดนี้ นี่สินะที่เขาเรียกว่า ประสบการณ์จะหล่อหลอมให้เราเก่งขึ้น

สุดท้ายก็ขอบคุณพี่ ๆ ที่ช่วยสอนงาน ของกิน และหลาย ๆ เรื่องมาก ๆ และขอบคุณพี่วินที่ชวนตอนค่าย YWC นะครับ ตอนนี้ก็จบฝึกงาน กลับไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงต่อที่สถานี ปี 4 และ Senior Project แงงงงง

Read Next...

Year in Review 2022 สวัสดี 2023

Year in Review 2022 สวัสดี 2023

เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะเนี่ย ยังแอบรู้สึกว่าเหมือนยังไม่ผ่านครึ่งปีไปดีเลย อ่อ สิ้นปีแล้วเฉยเลย มา งั้นเรามาเล่าให้อ่านกันดีกว่าว่า ที่ผ่านมาในปี 2022 มันเกิดอะไรขึ้น และมันสอนอะไรเราบ้าง...

Year in Review 2021 สวัสดี 2022

Year in Review 2021 สวัสดี 2022

ผ่านไปอีกปีแล้วกับปี 2021 ที่น่าจะเป็นเวลาที่ยากลำบากสำหรับใครหลาย ๆ คน เราเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ หลาย ๆ อย่างที่ Plan ไว้ก็ต้องเปลี่ยนหมด หน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว ก็หวังว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีขึ้นเนอะ ~...

Year in Review 2020 สวัสดี 2021

Year in Review 2020 สวัสดี 2021

และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องมาเขียน Year in Review อีกครั้ง ประโยคที่ว่า จะหมดปี 2020 แล้วคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้ละมั่ง ปีก่อน ๆ อาจจะบอกว่า เออ ใช่แหละ แต่ปีนี้คือเป็นปีที่หนักมากสำหรับหลาย ๆ คนรวมถึงเราด้วย...

Productive Series: To-Do List ทำดี มีเวลาว่างเพิ่มขึ้นเยอะ

Productive Series: To-Do List ทำดี มีเวลาว่างเพิ่มขึ้นเยอะ

หลังจากตอนที่แล้ว เราพูดถึงเรื่องของการจัดการไฟล์ใน Digital ของเราไปแล้ว วันนี้เราลองมาเปลี่ยนไปดูอีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน และ ช่วยทำให้ชีวิตเรามีเวลาออกไปหายใจได้มากขึ้น อย่างการทำ To-Do List กันดีกว่า...