By Arnon Puitrakul - 09 กันยายน 2015
หลังจากเมื่อตอนเดือนพฤษภา ก็ได้เขียนเล่าเรื่องตอนที่ได้ใช้กล้องใหม่ๆ ตอนนี้จะมาอัพเดทกันดีกว่า ว่าครึ่งปีที่จับกล้องมาได้อะไรมาบ้าง
กล้องก็ยังตัวเดิมไม่เปลี่ยน (ใครจะเปลี่ยนครึ่งปีตัวว่ะ!!) นั่นก็คือ Nikon D5300 เลนส์เดิมไม่มีซื้อเพิ่ม เพราะตังไม่มี TT เมื่อตอนใช้กล้องใหม่ๆ ก็ยังใช้ Mode Auto ตอนที่รีบๆ อยู่นะ แต่ตอนนี้ Mode Auto คืออะไร lol ใช้ Manual หมดล่ะ
ที่สนุกของกล้อง DSLR คือเราต้องใช้ Mode Manual เพราะเราจะได้ปรับค่าได้หมดเลย ไม่ว่าจะเป็น ISO (ค่าความไวแสง), Shutter Speed (ความเร็วชัตเตอร์) และ Aperture (ความกว้างของม่านชัตเตอร์) ค่าทั้ง 3 มันก็มีความสัมพันธ์กันหมดเลย มันจะสนุกตรงนี้ล่ะ ตรงที่เราได้ปรับค่า ลองถ่ายลองเล่นดูสนุกๆ
นอกจากโหมด Manual แล้ว ที่ผ่านมาก็ยังได้เล่นโหมดอื่นๆ อีก ก็สนุกดีนะ แต่ที่สนุกสุดก็น่าจะเป็น Manual นี่แหละจะปรับอะไรก็ได้ แต่ทั้งหมดแล้ว มันก็คือการคุมแสงนี่เอง
นอกจากโหมด และการปรับตั้งค่าแล้ว ยังมีเรื่องขององค์ประกอบภาพอีก จะถ่ายยังไงถึงจะสวย เมื่อก่อนก็มั่วๆ ไปนะว่า "เออแบบนี้สวย เอาเลยล่ะกัน" แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้และ เดี๋ยวนี้เริ่มใช้สัดส่วนของภาพเข้ามาช่วย เช่นการให้ตัวแบบอยู่ตามจุดตัดของเส้นกริด ทำให้ตัวแบบดูน่าสนใจมากขึ้นอะไรแบบนี้ เอาจริงๆ เลยนะ มันลำบากมากอะ lol แต่ก็ได้ภาพที่สวยขึ้นเยอะเลย
เมื่อก่อนจำได้เลยว่า เป็นมนุษย์กล้องที่จบหลังคอม หมายความว่า เราจะต้องเอารูปเข้าไปแต่งในคอม เพื่อให้ภาพมันสมบูรณ์ขึ้น แต่ตอนนี้กำลังหัดอยู่ให้มันจบที่หลังกล้องเลย มันจะทำให้เราถ่ายรูปแบบต่างๆ ได้ดีขึ้น ง่ายๆ คือฝึกเรื่องความคิดสร้างสรรค์นี่เอง
อีกเรื่องที่ได้คือ ความอดทน รูปแต่ล่ะรูป ไม่ใช่ว่า เดินๆ ไปถ่าย อุ๊ย! ได้รูปแล้ว รูปแต่ล่ะรูปนอกจากองค์ประกอบที่เราต้องคำนึงแล้ว มันยังต้องมีเรื่องของแสง ซึ่งแน่นอนว่า แสงธรรมชาติมันมาๆ ไปๆ ตามเวลาของมัน กว่าจะได้เราก็ต้องรอจนเวลาได้ แสงได้ แล้วค่อยถ่าย ซึ่งแน่นอนว่า กว่าจะได้รูปแต่ล่ะรูปมานี่ รอนานมากๆ
แต่ตอนนี้กำลังติดการถ่าย Time Lapse อยู่ มันเป็นการที่เราตั้งเวลาถ่ายภาพไว้ให้มันถ่ายทุกๆ กี่วินาที หรือนาทีก็ว่าไป แล้วก็เอามาต่อเป็นวีดีโอ การถ่ายแต่ล่ะครั้งแบบยากมาก เพราะเราต้องกะเวลาที่เราต้องใช้ ต้องถ่ายวินาที หรือนาทีล่ะกี่ใบ หรือแม้กระทั่ง ต้องกะแสงเองด้วย ยิ่งถ่ายนานก็ยิ่งกะยากไปอีก อย่างช่วง 5 โมง แล้วจะถ่ายไปถึงสักทุ่มนึง เราก็ต้องตั้งค่ากล้องเพื่อให้มันเข้ากับแสงของช่วงเวลานั้น ซึ่งแน่นอนว่า เราจะไปรู้ได้ไงว่า แสงมันจะเป็นยังไง หรือเราต้องตั้งโน้นนี่นั่นเท่าไหร่ **พลาดที พังทั้งคลิปเลยนะ! **แต่ถ้าได้ก็ ดูดีเลยนะ สวยๆ
หลังจากเราได้รูปมาแล้ว เพื่อให้มันสมบูรณ์ขึ้น เราก็ต้องเอามาแต่งในคอมอีก มันก็มีเรื่องน่าปวดหัวของมันอีก ตอนนี้โปรแกรมที่ผมใช้แต่งเกือบทั้งหมดเลยนั่นคือ Adobe Lightroom มันเป็นโปรแกรมแต่งภาพที่รองรับไฟล์ Raw และเป็นโปรแกรมที่ค่อนข้าง ไม่สิ เป็นมืออาชีพเลย ในตัวโปรแกรมมันก็จะมีอะไรให้เราปรับเล่นเยอะเลย เพราะมันเยอะนี่แหละ งานงอกกันเลยทีเดียว ก็ต้องค่อยๆ มาลองเล่นทีล่ะอย่างว่า ถ้าปรับอันนี้แล้วมันจะได้อะไรออกมา อะไรแบบนี้ ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
เวลาเราปรับอะไรทุกอย่างมันก็จะไปแสดงผลที่ Histogram มันก็คือกราฟที่เอาไว้แสดงสีและรายละเอียดในรูปของเราอะไรแบบนี้ ได้ข่าวว่าเทอมหน้าก็ต้องเรียนวิชา Introduction to Multimedia เหมือนว่าจะต้องเรียนด้วยว่า ถ้าเราปรับไอ้นี่ ใน Histogram จะเป็นยังไงอะไรเทือกนั้นเลย เพราะฉะนั้นก็เป็นการหัดไว้ก่อนล่ะกันสนุกๆ
ทำมาสักพัก ก็เริ่มจัด Workflow ได้แล้วว่า เราจะต้องทำงานยังไง ตอนนี้ก็ถ่ายมาก็เป็นไฟล์ Raw ก็เอามันมาแต่งให้มันดูเป็นธรรมชาติ และอัพลง Google Drive ซะเลย แล้วค่อยเอามาแต่งต่ออีกรอบใน Lightroom อีกรอบนึงแล้วเก็บไฟล์ JPG ไว้ในเครื่อง ประหยัดกว่ากันเยอะเลย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ผมได้มาจากการถ่ายรูป ประมาณครึ่งปี มันให้อะไรเรามากกว่า รูปสักใบ การถ่ายรูปมันก็เหมือนการเดินทางนั่นแหละครับ มันสำคัญที่ระหว่างทาง ระหว่างที่เราถ่ายรูปนี่แหละ มันไม่ใช่แค่การเก็บช่วงเวลาสักช่วงหนึ่งลงไปในภาพแล้วได้กระดาษมาใบนึง แต่มันเป็นการทำให้เรารู้ว่า ช่วงเวลานั้นมันมี ความสุข ความเศร้า และมีคุณค่าเพียงใด
เคยมั้ยเวลา Deploy โปรแกรมสักตัว เราจะต้องมานั่ง Provision Infrastructure ไหนจะ VM และ Settings อื่น ๆ อีกมากมาย มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเรามีเครื่องมือบางอย่างที่จะ Automate งานที่น่าเบื่อเหล่านี้ออกไป และลดความผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้น วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ Infrastructure as Code กัน...
เมื่อหลายวันก่อน เราเลื่อนเฟสไปเจอความเห็นนึงที่อ่านแล้วถึงกับต้องขยี้ตาอ่านซ้ำบอกว่า ให้เราลองถาม ChatGPT ดูแล้วเราจะไม่กลับไปหา Google อีกเลย มันเป็นแบบนั้นได้จริงหรือไม่ วันนี้เราจะมาอธิบายในแง่หลักการทำงานของมัน และความเป็นไปได้กันว่า มันเป็นไปได้จริงหรือไม่อย่างไร...
ในปัจจุบันเราพึ่งพาการเก็บข้อมูลต่าง ๆ บนเครื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับบางคนมากจนไม่สามารถเก็บได้ในเครื่องของเราอีกแล้ว ทำให้อาจจะต้องมองหาระบบจัดเก็บข้อมูลอื่น ๆ เข้ามาใช้งาน หนึ่งในนั้นคือการใช้ NAS หลายคนมีคำถามว่า แล้วเราควรจะเลือกซื้อ NAS สำเร็จรูป หรือ DIY ดี...
เราไปเจอความเชื่อนึงเกี่ยวกับ SQL Query มาว่า เนี่ยนะ ถ้าเราจะ Count หรือนับแถว เราอย่าไปใช้ count(*) นะ ให้เราใช้ count(id) หรือด้านในเป็น Primary Key ใน Table นั้น ๆ จะทำให้ Query ได้เร็วกว่า วันน้ีเรามาทดลองกันดีกว่า ว่ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ หรือไม่...